เรื่องของพิธีกรรมมีกระทำมาสืบเนื่องยาวนาน
ตามความเชื่อของแต่ละเผ่าพันธุ์ หรือของแต่ละประเทศ
ซึ่งความเชื่ออย่างนี้ล้วนมีมานานตั้งแต่บรรพบุรุษ
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับผีสาง และเทวดา เหตุที่ต้องเชื่อแบบนั้น
เพราะในอดีตการกระทำดังกล่าว
ทำให้บรรพบุรุษของแต่ละท้องที่อยู่รอดและปลอดภัย
ดังนั้นการกระทำตามพิธีกรรมจึงมักกระทำอย่างสืบเนื่องยาวนาน
พิธีกรรมนั้นเป็นแบบแผนความเชื่อที่ปฏิบัติต่อกันมายาวนาน
และมีความเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่
โดยที่พิธีกรรมในโลกนี้นั้นมีอยู่มากมาย แต่พิธีกรรมที่น่าสยดสยอง
และชวนให้หวาดเสียวแบบสุดๆ นั้นมีให้ได้เห็นกันไม่ค่อยจะบ่อยนัก
และมีเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น เรียกได้ว่าเห็นแล้วขนลุกกันเลยทีเดียว
พิธีกรรมสุดสยองเหล่านี้จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลย
- Thaipusam / ประเทศอินโดนีเซีย
เป็นเทศกาลความเชื่อของชาวฮินดู ในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี
ที่จัดขึ้นเพื่อบูชาวันคล้ายวันเกิดของเทพเจ้าของเขาคือ “มุรุกัน” หรือ
“พระขันธกุมาร” นั่นเอง เทศกาลนี้เป็นการแสดงความศรัทธา ตอบแทนคุณ
และยอมทรมานตัวเอง โดยจะมีการใช้อาวุธแหลมแทงตามอวัยวะต่างๆ
รวมทั้งมีการแบกของหนักกว่า 60 – 80 กิโลกรัม เดินขึ้นบันได้ 200 ขั้น
รวมระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรได้เลย เชื่อว่าใครเห็นก็หวาดเสียวไปตามๆ กัน
- Bullet Ant Ritual / ประเทศบราซิล
ต่อมาเป็นพิธีกรรมสำหรับเด็กผู้ชาย ที่จะก้าวไปสู่ช่วงวัยหนุ่มในชนเผ่า
Satere แถบลุ่มแม่น้ำอะเมซอน โดยจะทำการจับ “มดกระสุน”
(ซึ่งเป็นมดที่กัดเจ็บที่สุดในโลก)
จากนั้นก็เอาสมุนไพรมาทำให้พวกมันสลบแล้วนำไปใส่ไว้ในถุงมือตาข่าย
แล้วให้เด็กผู้ชายที่เข้าร่วมพิธียัดมือลงไปในถุงมือตาข่าย
ให้มดกระสุนที่กำลังดุร้ายกัดมือนานถึง 10 นาที!!
เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายเต็มตัว โดยพิธีกรรมนี้ต้องทำมากถึง 20
ครั้งเลยทีเดียว…ถ้าจะทดสอบความเป็นชายได้โหดขนาดนี้
ขอเป็นผู้หญิงดีกว่าจ้า
- Tibetan Sky burial / ประเทศทิเบต
เชื่อว่าทุกคนต้องสงสัยว่า พิธีกรรมแบบนี้ก็มีด้วยหรอ? เพราะในทิเบต
ชาวพุทธที่นั้นมีการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แปลกๆ
อย่างการฝังศพบนท้องฟ้า…นั่นคือหากมีคนตาย
ผู้ประกอบพิธีกรรมจะทำการจัดการศพให้เร็วที่สุดด้วยการตัดศพออกเป็นชิ้นๆ
และให้ฝูงอีแร้งที่ตนเลี้ยงเอาไว้กิน!! และซากที่เหลือเอาไปเผา
ตามความเชื่อของชาวพุทธที่นั้นเชื่อเรื่องวัฏจักรการเกิดใหม่
จิตวิญญาณไปอีกที่หนึ่ง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาร่างกาย
อีกทั้งนกแร้งเปรียบเสมือนผู้ร่ายรำบนท้องฟ้า
มีฐานะเทียบเท่าเทพบุตรและเทพธิดา
ซึ่งเทพทั้งหลายเหล่านี้จะนำวิญญาณผู้ตายไปสู่สวรรค์
- Baby Dropping / ประเทศอินเดีย
เป็นพิธีกรรมเก่าแก่กว่า 700 ปีของชาวอินเดียมุสลิม
โดยที่เขาจะทำการโยนเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบลงจากชั้นบนของมัสยิด
ซึ่งสูงประมาณ 50 ฟุต โดยด้านล่างนั้นจะมีการขึงผ้าเพื่อใช้รองรับเด็ก
โดยเชื่อว่าจะทำให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง
ทั้งยังช่วยให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง และเป็นการแก้เคล็ดอีกด้วย
แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ชอบใจของใครหลายคนนัก
เพราะปัจจุบันนี้มีนักสิทธิมนุษยชนได้ทำการต่อต้านพิธีกรรมนี้
ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอันตรายต่อเด็กเกินไปนั่นเอง ก็แหมเด็กกำลังเล็ก
มาโยนกันซะได้!!
- Ma’Nene / ประเทศอินโดนีเซีย
กลับมาที่ประเทศอินโดนีเซียกันต่อ กับอีกประเพณีที่แปล๊ก…แปลก
นี่เป็นพิธีปลุกศพเดินกลับบ้านของชาวบ้านจากหมู่บ้านโทราจา
และหมู่บ้านมามาซาในชนบท โดยพวกเขาจะขุดศพขึ้นมาแต่งตัวใหม่
จากนั้นก็จะพาศพเดินกลับบ้าน ซึ่งระหว่างช่วงที่แบกศพกลับบ้านมีข้อห้ามว่า
ห้ามคุยกับศพเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าจะทำให้ผู้นั้นล้มป่วย
และไม่สามารถพาศพกลับบ้านได้อีกนั่นเอง อื้อหือ
พิธีนี้ถ้ามาทำที่บ้านเราต้องมีการล่า ท้า ผี ชัวร์ๆ
- Land Diving / ประเทศวานูอาตู
ประเทศวานูอาตู ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีพิธีกรรมแปลกประหลาดที่เรียกว่า
Gkoi มีลักษณะคล้ายบันจีจัมพ์ เป็นพิธีกรรมที่จัดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ก่อนที่มันฝรั่งต้นแรกจะถูกเพาะปลูก เพื่อขอพรจากพระเจ้าให้ผลผลิตอุดม
สมบูรณ์ โดยชาวบ้านจะร้องเพลง และเต้นรำด้วยกัน
จะมีอาสาสมัครที่เป็นผู้ชายทำพิธีการกระโดดบันจีจัมพ์
พวกเขาจะผูกเถาวัลย์รอบข้อเท่า และกระโดดลงมาจากอาคารไม้ที่สูงมากกว่า 25
เมตรที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับพิธีกรรมนี้
ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอาสาสมัครไม่สนใจสภาพร่างกายของตนแม้แต่น้อยกับ
เรื่องกระดูกหักจากการก้าวกระโดดแม้แต่น้อย
และยิ่งโดดสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งแสดงความเป็นลูกผู้ชายมากยิ่งขึ้นนั้นเอง
- Famadihana / ประเทศมาดากัสการ์
ฟามาดิฮานา (Famadihana) เป็นพิธีศพของมาดากัสการ์
ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ ที่เชื่อว่าวิญญาณของคนตายจะสามารถไปโลกหน้าได้
หลังจากร่างกายเน่าเปื่อยสูญสลายเป็นสมบูรณ์ และเพื่อการนั้นแต่ละครอบครัว
ในทุกๆ 2-7 ปี
ของการตายของบรรพบุรุษของพวกเขาจะเอาศพของผู้เสียชีวิตขึ้นจากโลงที่ฝังไว้ใต้ดิน
เอามาผึ่งแดด และห่อด้วยผ้าไหมผืนใหม่
และแห่ศพเต้นรำรอบหลุมฝังศพของพวกเขา ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่เคารพคนตาย
และนอกจากนี้ยังเป็นงานที่ญาติพี่น้องพบปะกันอีกด้วย
- Mourning of Muharram / ประเทศอัฟกานิสถาน, อิหร่าน, อิรัก, ปากีสถาน, เลบานอน, อินเดีย
สาวกนิกายชีอะห์ ของศาสนาอิสลาม ได้ประกอบพิธีกรรมหมู่ที่น่าหวาดเสียว
คือการเฆี่ยน และทำร้ายตัวเองด้วยใบมีดติดโซ่ ให้เลือดไหลออกจากร่างกาย
เป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ของมูฮัมหมัด
เพื่อรำลึกถึงความทุกข์ทรมานของฮุสเซน หลานชายของศาสดามูฮัมหมัดนั่นเอง
และนั้นเป็นสิ่งที่อธิบายถึงภาพสยดสยองในการประกอบพิธีกรรมที่มีต่อการไว้อาลัยของท่านฮุเซน
ที่ต้องบอกเลยว่าพิธีกรรมนี้มีแต่เลือด กับเลือดเต็มไปหมด!!
- Ulwaluko / แอฟริกาใต้
มาต่อกันที่พิธีกรรมเฉือนหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย
หรือว่าขริบนั้นแหละค่ะ โดยนี่เป็นพิธีกรรมของชนเผ่า Xhosa
โดยขั้นตอนการทำนั้นจะทำกันแบบไม่พึ่งยาชาหรือยาสลบ
รวมทั้งห้ามส่งเสียงร้องอีกด้วย โดยจะใช้มีดปลายแหลมเฉือนกันสดๆ เลยทีเดียว
ซึ่งหลังจากเฉือนแล้วก็จะถูกนำไปทิ้งไว้ในกระท่อมห่างไกล ที่ไม่มีอาหาร
ไม่มีใครเลย มีแต่ตัวเองเท่านั้น
โดยต้องอาศัยอยู่ที่กระท่อมนั้นจนกว่าแผลจะหาย
ถ้าแผลหายแล้วก็จะถือว่าเป็นชายทั้งแท่ง
และสามารถกลับไปยังเผ่าได้แบบภาคภูมิ
- Phuket Vegetarian Festival / ประเทศไทย
อย่าคิดว่าพิธีกรรมแปลก ๆ แบบนี้ที่ประเทศไทยเราจะไม่มี
เพราะที่เกาะภูเก็ต ก็มีประเพณีกินเจประจำปีที่ไม่เหมือนใคร
เมื่อพวกเขาทำพิธีกรรมที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานหลายร้อยปี
ที่แสนจะน่าหวาดเสียว เมื่อกลุ่มคนที่เรียกว่า “ม้าทรง”
และพวกเขาจะใช้อาวุธนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น มีด ดาบ หอก ร่ม สมอเรือ ฯลฯ
ทิ่มแทงทะลุกระพุ้งแก้ม ร่างกาย และทรมานร่างกายโชว์แห่ต่อหน้าผู้คน
โดยเชื่อกันว่าม้าทรง
คือร่างประทับของเทพเจ้าของพวกเขาในระหว่างพิธีกรรมเพื่อช่วยปกป้องพวกเขาจากความชั่วร้าย
และนำความชั่วร้ายมาสู่ชุมชนนั้นเอง เลยต้องทำร้ายมันจนกลัว
และไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้าน
คนที่เชื่อก็เชื่อไป และกระทำพิธีสืบต่อกันมาเรื่อย ๆ
ส่วนคนที่ไม่เชื่อในพิธีกรรมก็มักไม่สนใจ
และไม่สืบสานต่อให้เป็นมรดกของลูกหลาน เพราะมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีสาระ
ก็คงต้องบอกว่านานาจิตตัง เอาเป็นว่า ถ้าพิธีกรรมเหล่านี้กระทำแล้ว
ทำให้ผู้คนในสังคมหรือชุมชนนั้น ๆ มุ่งทำความดี จรรโลงสังคม
และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน
ก็ถือว่าเป็นพิธีกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ก็แล้วกัน
ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก toptenthailand.com
แสดงความคิดเห็น