ที่เดียวในโลก “ราเม็งปีศาจ”แห่ง ลุ่มน้ำอเมซอน

• ร้าน “NINJA CAFE ＆ BAR ASAKUSA”
• ย่านอาซากุสะ ของญี่ปุ่น เปิดขายเมนูสุดยอดแห่งความโหดร้าย
• “ ราเม็งปีรันย่า” ตอบโจทย์นักชิมเมนูเส้น

ต้องบอกว่า…ถือเป็นสวรรค์ของนักชิมเมนูเส้นสายแปลกแหวกแนวมาแล้วจ้า เตรียมตัวเก็บสตางค์บินไปชิมกันที่ญี่ปุ่นได้เลย เพราะล่าสุดร้าน “NINJA CAFE ＆ BAR ASAKUSA” ย่านอาซากุสะ เค้าเปิดเมนูแปลก ราเม็งปลาปีศาจ นักล่าแห่งลุ่มน้ำอเมซอน หรือ”ราเม็งปีรันย่า”มาเรียกแขก

หน้าตาเมนูก็ดูสุดโหดเพราะเสริฟมาพร้อมหัวปีรันย่ามีฟันแหลมเต็มปากพร้อมขย้ำตลอดเวลา

ราคาก็โหดด้วยชามละ1,500บาท เพราะต้องส่งตรงปีรันย่ามาจากลุ่มน้ำอเมซอนซึ่งก็ต้องมีค่าใช้จ่ายในการขนส่ง และเสียภาษีผ่านด่านศุลกากรจำนวนมากกว่าจะมาถึงญี่ปุ่น ได้เวลาเริ่มเก็บตังค์รัวๆว่าจะบินไปชิมสักครั้งในชีวิต

ที่มา www.rocketnews.24.com

อุทาหรณ์เปิบพิสดาร!งูหัวขาดฉกเชฟจีนดับ

เมนูแปลกเป็นเหตุ เชฟชาวจีนในกวางตุ้ง เจองูหัวขาดฉกเสียชีวิต หลังชำแหละเตรียมนำไปทำอาหาร

เมื่อพูดถึงเรื่องเมนูอาหารแปลกๆ ประเภทเปิบพิสดาร คงต้องยกให้ชาวจีนเป็นแชมป์ในเรื่องนี้ เพราะสรรหามากินได้สารพัดสปีชีส์สัตว์ โดยเฉพาะชาวมณฑลกวางตุ้งที่เชี่ยวชาญด้านการ “แปลง” และ “ปรุง” ถึงกับมีคำกล่าวว่า “คนกวางตุ้งกินทุกอย่างที่มี 4 เท้า ยกเว้นเก้าอี้”
แต่สัตว์ไม่มีเท้า เช่น งู ก็เป็นของโปรดของคนจีนและคนกวางตุ้งเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้เกิดเหตุสยองขึ้นกับพ่อครัวชาวเมืองฝอซานในกวางตุ้ง ระหว่างพยายามปรุงอาหารโดยใช้อสรพิษที่มีพิษร้ายกาจถึงตาย นั่นคืองูเห่าพ่นพิษพันธุ์ไทย หรือ Naja Siamensis ซึ่งพบได้ในประเทศไทย ลาว เมียนมาร์ กัมพูชา และเวียดนาม
งูเห่าพ่นพิษ เป็นงูร้ายที่สามารถพ่นพิษได้ไกลถึง 20 ม. โดยพิษของมันจะไม่เป็นอันตรายหากถูกผิวหนังของคน แต่จะทำให้ตาบอดสนิทหากถูกนัยน์ตาของเรา ที่สำคัญก็คือ งูชนิดนี้จะไม่พ่นพิษสะเปะสะปะ เพราะมันจะเล็งเข้าที่ดวงตาของเหยื่อเท่านั้น
ตามปกติแล้วเชฟจีนจะเชี่ยวชาญในการสยบงูร้าย ก่อนที่จะนำมาปรุงอาหาร ด้วยการตัดหัวมันเสียก่อน จากนั้นค่อยจัดการปรุงตามกระบวนการที่ได้รับออร์เดอร์มา

แต่ไม่รู้เป็นคราวเคราะห์ของเชฟที่ชื่อ เผิงฟ่าน หรือเป็นเพราะความอึดของงูกันแน่ เพราะหลังจากที่พ่อครัวได้ทำการตัดหัวงูขาดไปแล้วนานถึง 20 นาที ปรากฏว่าส่วนหัวของมันกลับยังขยับได้ราวกับมีชีวิต แต่ดูเหมือนว่าพ่อครัวจะไม่ได้ตระหนักถึงภัยคุกคามนี้
ในช่วงจังหวะที่เชฟกำลังจะโยนหัวของมันทิ้งถังขยะหลังปรุงอาหารเสร็จแล้วนั่นเอง งูเห่าเจ้ากรรมก็ง้างคมเขี้ยวฉกเข้าไปที่มือของเชฟ แล้วปล่อยพิษเข้าร่างอย่างรวดเร็ว
เชฟเคราะห์ร้ายร้องตะโกนอย่างสุดเสียงด้วยความเจ็บปวด จากนั้นห้องครัวก็เกิดความโกลาหลขึ้น ทำเอาลูกค้าต้องตื่นตกใจไปด้วย หลังจากนั้นมีผู้พยายามเรียกหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน แต่ปรากฏว่า ความช่วยเหลือมาไม่ทันการณ์
เชฟเผิงฟ่านเสียชีวิตคาห้องครัวไปเสียแล้ว ด้วยฤทธิ์ของงูเห่าหัวขาด
นับเป็นเหตุการณ์ที่เหลือเชื่อ แต่ก็เกิดขึ้นแล้วในเมืองที่กินงูเป็นกิจวัตร สร้างความตื่นตระหนกให้กับบรรดาพ่อครัวและลูกค้าในร้าน จนไม่เป็นอันกินและไม่เป็นอันทำอาหารเปิบพิสดารกันต่อไป
ด้าน หยางหงจาง ผู้เชี่ยวชาญที่ศึกษาพฤติกรรมชีวิตงูมานานถึง 40 ปี เผยว่า งูทุกชนิดยังสามารถขยับร่างกายได้นานถึง 1 ชม. แม้ว่าร่างจะถูกตัดออกเป็นส่วนหรือเหลือเพียงส่วนหัว ซึ่งหมายความว่า แม้จะเหลือเพียงหัว งูก็ยังสามารถฉกกัดเราได้นั่นเอง
ขณะนี้ความต้องการงูในจีนอยู่ในระดับที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำมารับประทานเป็นอาหารและนำมาใช้เป็นเครื่องยาแผนโบราณ ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงให้กับงูหลายประเภท ซึ่งเหลือจำนวนเพียงเล็กน้อยในพื้นที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติ
ที่มา : หนังสือพิมพ์M2F http://www.m2fnews.com/

24 ตึกระฟ้าที่น่าเกลียดที่สุดในโลก! (ไทยก็ติดอันดับนะ)

แน่นอนว่าการออกแบบอาคารใหญ่ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ไหนจะเรื่องของโครงสร้าง รวมไปถึงสถาปัตยกรรม ความคิดสร้างสรรค์ ศิลปะในการออกแบบตัวตึก เพื่อที่จะทำออกมาให้ดูโดดเด่นและสวยงาม แต่บางครั้งสิ่งเหล่านี้มันก็อาจจะมีผิดพลาดกันได้บ้าง บางตึกสร้างออกมาก็ไม่สวย สร้างออกมาก็ดูแปลกเกินงาม ซึ่งเว็บไซต์ architectural digest นี้ได้จัดอันดับ 24 ตึกระฟ้าที่น่าเกลียดที่สุดในโลก! มาให้เราได้ชมกัน มีตึกบ้านเราติดอันดับด้วยนี่สิ >,<

24 ตึกระฟ้าที่น่าเกลียดที่สุดในโลก!
(ไทยก็ติดอันดับนะ)

---

1. ตึกช้าง (Elephant Building)

ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธิน และ ถนนรัชดาภิเษก กรุงเทพมหานคร สร้างเสร็จใน พ.ศ. 2540 ถึงจะดูน่าเกลียด แต่ในปี พ.ศ. 2554 ตึกช้างได้รับรางวัลอันดับ 4 ตึกระฟ้าที่มีเอกลักษณ์ที่สุดในโลก 20 อันดับ โดย CNNgo

Photo: Courtesy of Tom Riddle

 

2. Žižkov Television Tower

หอส่งสัญญาณโทรทัศน์ ตั้งอยู่ในกรุงปราก ประเทศเช็กเกีย สร้างขึ้นระหว่างปี 1985 และปี 1992

Photo: Getty Images

---

3. ตึก Lippo Centre

ตึกระฟ้าคู่แฝด สร้างขึ้นในปี 1988 ตั้งอยู่ในย่านใจกลางเมืองของฮ่องกง

Photo: Getty Images

 

4. The Tianzi Hotel

โรงแรม Tianzi ตั้งอยู่ในมณฑล Hebei ของประเทศจีน ที่ออกแบบตึก
เป็นรูปปั้นเทพพระเจ้า 3 องค์ “ฮก ลก ซิ่ว”

Photo: Getty Images

---

5. ตึกหุ่นยนต์ (The Robot Building)

 เป็นอาคารสำนักงานสูง 20 ชั้นของธนาคารยูโอบี ตั้งอยู่ที่ถนนสาทรใต้ เขตสาทร กรุงเทพมหานคร
สร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2529

Photo: Getty Images/Dirk Verwoerd

---

6. สำนักงานใหญ่ ลองเกเบอร์เกอ (Longaberger)

บริษัทผลิตสินค้าจากไม้เมเปิล ออกแบบเป็นรูปตะกร้า
สร้างเสร็จในปี 1997 ตั้งอยู่ในเมืองนวร์ก (รัฐนิวเจอร์ซีย์)

ภาพ: Getty Images

---

7. Ryugyong Hotel

โรงแรม Ryugyong ในประเทศเกาหลีเหนือ ตึกนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น ตึกร้างที่สูงที่สุดในโลก
มีความสูง 1,083 ฟุต เนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำ ทำให้ตึกนี้หยุดสร้างไปนั่นเอง

Photo: Getty Images/Gavin Hellier

---

8. อาคารสำนักงานใหญ่ บริษัท Aldar

ตั้งอยู่ริมหาด Al Raha ในเมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เปิดใช้ในปี 2010

Photo: Getty Images/Iain Masterton

---

9. The Fangyuan Mansion

โรงแรมที่สร้างเป็นรูปทรงเหรียญกษาปณ์ สร้างเสร็จในปี 2001 ตั้งอยู่ในเมืองเสิ่นหยาง ประเทศจีน
ซึ่งตึกนี้ใช้งบประมาณกว่า $500 million

Photo: Getty Images

---

10. ตึก New York City’s Verizon

ตึกนี้สร้างเสร็จในปี 1975 ตั้งอยู่ในเมืองแมนฮัตตัน ใกล้กับสะพานบรูคลิน
ว่ากันว่า เป็นตึกที่ทำให้เสียทัศนียภาพเมืองสุดๆ

Photo: Getty Images/Ron Antonelli

---

11. ตึก Strata SE1

ตั้งอยู่กลางใจเมืองผู้ดี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ สร้างเสร็จในปี 2010 ใช้เงินลงทึนไปกว่า $146 million
โดยตึกนี้ยังมีฉายาอีกว่า Electric Razor หรือ มีดโกนไฟฟ้า! หน้าตามันให้มากเลย!

Photo: Getty Images/Matthew Lloyd

---

12. หอสมุดแห่งชาติ (National Library of Belarus)

ตึกรูปทรงแปลกที่ติดไฟ LED นี้คือ หอสมุดแห่งชาติ ประเทศเบลารุส
สร้างในปี 1922 แต่กว่าจะเสร็จก็ปาไปถึงปี 2006!

Photo: Getty Images

---

13. โรงแรม Grand Lisboa

โรงแรมรูปทรงแปลกที่ดูหรูหรานี้ ตั้งอยู่ในเมืองมาเก๊า สร้างในปี 2008

Photo: Getty Images

---

14. The Slovak Radio Building

ตึกรูปร่างเหมือนคว่ำปิรามิดนี้ ตั้งอยู่ในเมืองบราติสลาวา ประเทศสโลวะเกีย สร้างในปี 1983
นอกจากนี้ข้างในยังมีห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาดใหญ่ด้วย

Photo: Getty Images

---

15. Mirador Building

ตั้งอยู่ในเมืองมาดริด ประเทศสเปน

Photo: Getty Images

---

16. The Liverpool Metropolitan Cathedral

มหาวิหารลิเวอร์พูล ที่ดูแล้วรูปร่างหน้าตาละแปลกและล้ำกว่าที่อื่นๆ ไปซะหน่อย สร้างเสร็จในปี 1967
ออกแบบโดย Frederick Gibberd และ Edwin Lutyens

ภาพ: Getty Images

---

17. National Fisheries Development Board Building

เนื่องจากเป็นตึกที่เกี่ยวข้องกับ การประมงแห่งชาติ ก็เลยออกแบบและก่อสร้างให้ออกมาเป็นรูปทรงตัวปลาซะเลย
สร้างเสร็จในปี 2012 อยู่ที่เมืองไฮเดอราบัด (Hyderabad) ประเทศอินเดีย

ภาพ: Getty Images

---

18. สถานทูตรัสเซีย (The Russian Embassy)

สถานทูตรัสเซีย สร้างในปี 1985 ที่ดูยังไงก็แปลกสุดๆ! ตั้งอยู่ในเมืองฮาวานา ประเทศคิวบา
ออกแบบโดยสถาปนิกชาวโซเวียต Aleksandr Rochegov
ตอนแรกแบบออกมาอยากให้ตึมีรูปทรงเหมือนดาบ แต่ดันออกมาแบบนี้ได้ซะหนิ >,<

Photo: Getty Images/Patrick Donovan

 

19. The National Library of Kosovo

ตึกตะปุ่มตะป่ำ รูปทรงแปลกนี้คือ หอสมุดแห่งชาติคอซอวอ ประเทศคอซอวอ
ออกแบบโดยสถาปนิกชาวโครเอเชีย Andrija Mutnjaković

Photo: Getty Images

---

20. Torre Velasca

ตึกระฟ้าที่สร้างขึ้นในปี 1950 ตั้งอยู่ในเมืองมิลาน ประเทศอิตาลี
การออกแบบของที่นี่เป็นส่วนหนึ่ง ของสถาปัตยกรรมรุ่นแรกของอิตาลี

Photo : hellron

---

21. หอ Mont Montparnasse

เป็นหนึ่งในป็นอาคารที่สูงที่สุดในสหภาพยุโรป ตั้งอยู่ในกรุงปารีส ฝรั่งเศส

Photo: Getty Images

---

22. First World Hotel & Plaza

เป็นโรงแรมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศมาเลเซีย และของโลก มีห้องพักกว่า 7,351 ห้อง
สร้างเสร็จในปี 2008 แต่ถึงจะใหญ่ที่สุดยังไง แต่ที่นี่ก็ยังขาดความงาม (ไม่ต้องใช้สีจัดจ้านขนาดนี้ก็ได้มั้ง >,<)

Getty Images / Azad Azahar Adnan

---

23. Oriental Pearl Tower

หอไข่มุก ในประเทศจีน เป็นหอส่งสัญญาณวิทยุ
ถึงจะดูรูปร่าง รูปทรงแปลกไปหน่อย แต่มันก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้นหรอกมั้ง >,<

ภาพ: Getty Images

---

24. The Trump Tower

นอกจากผู้คนจะยี้เมื่อเห็นตึกแล้ว จะต้องยี้คูนสองเมื่อเห็นชื่อตึกแน่นอน! ก็นี่คือตึกของ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานิธิบดีคนปัจจุบันของสหรัฐฯ และเขายังและยังเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่รวยมหาศาลอีกด้วย ดูจากตึกที่ทำให้เหมือนทองแท่งยักษ์ ก็น่าจะดูออก >,< ใครไปเที่ยวก็แวะถ่ายรูปกันหน่อย ตั้งอยู่ในเมืองลาสเวกัส ..

Source : www.architecturaldigest.com
 

10 พิธีกรรมสุดแปลกจากทั่วโลก ที่เห็นแล้วจะต้องขนลุก!!

เรื่องของพิธีกรรมมีกระทำมาสืบเนื่องยาวนาน ตามความเชื่อของแต่ละเผ่าพันธุ์ หรือของแต่ละประเทศ ซึ่งความเชื่ออย่างนี้ล้วนมีมานานตั้งแต่บรรพบุรุษ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นความเชื่อเกี่ยวกับผีสาง และเทวดา เหตุที่ต้องเชื่อแบบนั้น เพราะในอดีตการกระทำดังกล่าว ทำให้บรรพบุรุษของแต่ละท้องที่อยู่รอดและปลอดภัย ดังนั้นการกระทำตามพิธีกรรมจึงมักกระทำอย่างสืบเนื่องยาวนาน
พิธีกรรมนั้นเป็นแบบแผนความเชื่อที่ปฏิบัติต่อกันมายาวนาน และมีความเป็นเอกลักษณ์ในแต่ละพื้นที่ โดยที่พิธีกรรมในโลกนี้นั้นมีอยู่มากมาย แต่พิธีกรรมที่น่าสยดสยอง และชวนให้หวาดเสียวแบบสุดๆ นั้นมีให้ได้เห็นกันไม่ค่อยจะบ่อยนัก และมีเฉพาะบางพื้นที่เท่านั้น เรียกได้ว่าเห็นแล้วขนลุกกันเลยทีเดียว พิธีกรรมสุดสยองเหล่านี้จะมีอะไรบ้างนั้น ไปชมกันเลย

10. Thaipusam / ประเทศอินโดนีเซีย

เป็นเทศกาลความเชื่อของชาวฮินดู ในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี ที่จัดขึ้นเพื่อบูชาวันคล้ายวันเกิดของเทพเจ้าของเขาคือ “มุรุกัน” หรือ “พระขันธกุมาร” นั่นเอง เทศกาลนี้เป็นการแสดงความศรัทธา ตอบแทนคุณ และยอมทรมานตัวเอง โดยจะมีการใช้อาวุธแหลมแทงตามอวัยวะต่างๆ รวมทั้งมีการแบกของหนักกว่า 60 – 80 กิโลกรัม เดินขึ้นบันได้ 200 ขั้น รวมระยะทางกว่า 3 กิโลเมตรได้เลย เชื่อว่าใครเห็นก็หวาดเสียวไปตามๆ กัน

9. Bullet Ant Ritual / ประเทศบราซิล

ต่อมาเป็นพิธีกรรมสำหรับเด็กผู้ชาย ที่จะก้าวไปสู่ช่วงวัยหนุ่มในชนเผ่า Satere แถบลุ่มแม่น้ำอะเมซอน โดยจะทำการจับ “มดกระสุน” (ซึ่งเป็นมดที่กัดเจ็บที่สุดในโลก) จากนั้นก็เอาสมุนไพรมาทำให้พวกมันสลบแล้วนำไปใส่ไว้ในถุงมือตาข่าย แล้วให้เด็กผู้ชายที่เข้าร่วมพิธียัดมือลงไปในถุงมือตาข่าย ให้มดกระสุนที่กำลังดุร้ายกัดมือนานถึง 10 นาที!! เพื่อพิสูจน์ความเป็นชายเต็มตัว โดยพิธีกรรมนี้ต้องทำมากถึง 20 ครั้งเลยทีเดียว…ถ้าจะทดสอบความเป็นชายได้โหดขนาดนี้ ขอเป็นผู้หญิงดีกว่าจ้า

8. Tibetan Sky burial / ประเทศทิเบต

เชื่อว่าทุกคนต้องสงสัยว่า พิธีกรรมแบบนี้ก็มีด้วยหรอ? เพราะในทิเบต ชาวพุทธที่นั้นมีการประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์แปลกๆ อย่างการฝังศพบนท้องฟ้า…นั่นคือหากมีคนตาย ผู้ประกอบพิธีกรรมจะทำการจัดการศพให้เร็วที่สุดด้วยการตัดศพออกเป็นชิ้นๆ และให้ฝูงอีแร้งที่ตนเลี้ยงเอาไว้กิน!! และซากที่เหลือเอาไปเผา ตามความเชื่อของชาวพุทธที่นั้นเชื่อเรื่องวัฏจักรการเกิดใหม่ จิตวิญญาณไปอีกที่หนึ่ง ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเก็บรักษาร่างกาย อีกทั้งนกแร้งเปรียบเสมือนผู้ร่ายรำบนท้องฟ้า มีฐานะเทียบเท่าเทพบุตรและเทพธิดา ซึ่งเทพทั้งหลายเหล่านี้จะนำวิญญาณผู้ตายไปสู่สวรรค์

7. Baby Dropping / ประเทศอินเดีย

เป็นพิธีกรรมเก่าแก่กว่า 700 ปีของชาวอินเดียมุสลิม โดยที่เขาจะทำการโยนเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบลงจากชั้นบนของมัสยิด ซึ่งสูงประมาณ 50 ฟุต โดยด้านล่างนั้นจะมีการขึงผ้าเพื่อใช้รองรับเด็ก โดยเชื่อว่าจะทำให้เด็กมีสุขภาพแข็งแรง ทั้งยังช่วยให้ครอบครัวเจริญรุ่งเรือง และเป็นการแก้เคล็ดอีกด้วย แต่ก็ไม่ได้เป็นที่ชอบใจของใครหลายคนนัก เพราะปัจจุบันนี้มีนักสิทธิมนุษยชนได้ทำการต่อต้านพิธีกรรมนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามันอันตรายต่อเด็กเกินไปนั่นเอง ก็แหมเด็กกำลังเล็ก มาโยนกันซะได้!!

6. Ma’Nene / ประเทศอินโดนีเซีย

กลับมาที่ประเทศอินโดนีเซียกันต่อ กับอีกประเพณีที่แปล๊ก…แปลก นี่เป็นพิธีปลุกศพเดินกลับบ้านของชาวบ้านจากหมู่บ้านโทราจา และหมู่บ้านมามาซาในชนบท โดยพวกเขาจะขุดศพขึ้นมาแต่งตัวใหม่ จากนั้นก็จะพาศพเดินกลับบ้าน ซึ่งระหว่างช่วงที่แบกศพกลับบ้านมีข้อห้ามว่า ห้ามคุยกับศพเด็ดขาด เพราะเชื่อว่าจะทำให้ผู้นั้นล้มป่วย และไม่สามารถพาศพกลับบ้านได้อีกนั่นเอง อื้อหือ พิธีนี้ถ้ามาทำที่บ้านเราต้องมีการล่า ท้า ผี ชัวร์ๆ


 

5. Land Diving / ประเทศวานูอาตู

ประเทศวานูอาตู ในมหาสมุทรแปซิฟิก มีพิธีกรรมแปลกประหลาดที่เรียกว่า Gkoi มีลักษณะคล้ายบันจีจัมพ์ เป็นพิธีกรรมที่จัดในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ก่อนที่มันฝรั่งต้นแรกจะถูกเพาะปลูก เพื่อขอพรจากพระเจ้าให้ผลผลิตอุดม สมบูรณ์ โดยชาวบ้านจะร้องเพลง และเต้นรำด้วยกัน จะมีอาสาสมัครที่เป็นผู้ชายทำพิธีการกระโดดบันจีจัมพ์ พวกเขาจะผูกเถาวัลย์รอบข้อเท่า และกระโดดลงมาจากอาคารไม้ที่สูงมากกว่า 25 เมตรที่สร้างขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับพิธีกรรมนี้ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าอาสาสมัครไม่สนใจสภาพร่างกายของตนแม้แต่น้อยกับ เรื่องกระดูกหักจากการก้าวกระโดดแม้แต่น้อย และยิ่งโดดสูงมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งแสดงความเป็นลูกผู้ชายมากยิ่งขึ้นนั้นเอง

4. Famadihana / ประเทศมาดากัสการ์

ฟามาดิฮานา (Famadihana) เป็นพิธีศพของมาดากัสการ์ ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ ที่เชื่อว่าวิญญาณของคนตายจะสามารถไปโลกหน้าได้ หลังจากร่างกายเน่าเปื่อยสูญสลายเป็นสมบูรณ์ และเพื่อการนั้นแต่ละครอบครัว ในทุกๆ 2-7 ปี ของการตายของบรรพบุรุษของพวกเขาจะเอาศพของผู้เสียชีวิตขึ้นจากโลงที่ฝังไว้ใต้ดิน เอามาผึ่งแดด และห่อด้วยผ้าไหมผืนใหม่ และแห่ศพเต้นรำรอบหลุมฝังศพของพวกเขา ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่เคารพคนตาย และนอกจากนี้ยังเป็นงานที่ญาติพี่น้องพบปะกันอีกด้วย

3. Mourning of Muharram / ประเทศอัฟกานิสถาน, อิหร่าน, อิรัก, ปากีสถาน, เลบานอน, อินเดีย

สาวกนิกายชีอะห์ ของศาสนาอิสลาม ได้ประกอบพิธีกรรมหมู่ที่น่าหวาดเสียว คือการเฆี่ยน และทำร้ายตัวเองด้วยใบมีดติดโซ่ ให้เลือดไหลออกจากร่างกาย เป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนศักดิ์สิทธิ์ของมูฮัมหมัด เพื่อรำลึกถึงความทุกข์ทรมานของฮุสเซน หลานชายของศาสดามูฮัมหมัดนั่นเอง และนั้นเป็นสิ่งที่อธิบายถึงภาพสยดสยองในการประกอบพิธีกรรมที่มีต่อการไว้อาลัยของท่านฮุเซน ที่ต้องบอกเลยว่าพิธีกรรมนี้มีแต่เลือด กับเลือดเต็มไปหมด!!


 

2. Ulwaluko / แอฟริกาใต้

มาต่อกันที่พิธีกรรมเฉือนหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชาย หรือว่าขริบนั้นแหละค่ะ โดยนี่เป็นพิธีกรรมของชนเผ่า Xhosa โดยขั้นตอนการทำนั้นจะทำกันแบบไม่พึ่งยาชาหรือยาสลบ รวมทั้งห้ามส่งเสียงร้องอีกด้วย โดยจะใช้มีดปลายแหลมเฉือนกันสดๆ เลยทีเดียว ซึ่งหลังจากเฉือนแล้วก็จะถูกนำไปทิ้งไว้ในกระท่อมห่างไกล ที่ไม่มีอาหาร ไม่มีใครเลย มีแต่ตัวเองเท่านั้น โดยต้องอาศัยอยู่ที่กระท่อมนั้นจนกว่าแผลจะหาย ถ้าแผลหายแล้วก็จะถือว่าเป็นชายทั้งแท่ง และสามารถกลับไปยังเผ่าได้แบบภาคภูมิ

1. Phuket Vegetarian Festival / ประเทศไทย

อย่าคิดว่าพิธีกรรมแปลก ๆ แบบนี้ที่ประเทศไทยเราจะไม่มี เพราะที่เกาะภูเก็ต ก็มีประเพณีกินเจประจำปีที่ไม่เหมือนใคร เมื่อพวกเขาทำพิธีกรรมที่ยึดถือปฏิบัติสืบทอดกันมายาวนานหลายร้อยปี ที่แสนจะน่าหวาดเสียว เมื่อกลุ่มคนที่เรียกว่า “ม้าทรง” และพวกเขาจะใช้อาวุธนานาชนิด ไม่ว่าจะเป็น มีด ดาบ หอก ร่ม สมอเรือ ฯลฯ ทิ่มแทงทะลุกระพุ้งแก้ม ร่างกาย และทรมานร่างกายโชว์แห่ต่อหน้าผู้คน โดยเชื่อกันว่าม้าทรง คือร่างประทับของเทพเจ้าของพวกเขาในระหว่างพิธีกรรมเพื่อช่วยปกป้องพวกเขาจากความชั่วร้าย และนำความชั่วร้ายมาสู่ชุมชนนั้นเอง เลยต้องทำร้ายมันจนกลัว และไม่กล้าเข้ามาในหมู่บ้าน
คนที่เชื่อก็เชื่อไป และกระทำพิธีสืบต่อกันมาเรื่อย ๆ ส่วนคนที่ไม่เชื่อในพิธีกรรมก็มักไม่สนใจ และไม่สืบสานต่อให้เป็นมรดกของลูกหลาน เพราะมองว่าเรื่องแบบนี้ไม่มีสาระ ก็คงต้องบอกว่านานาจิตตัง เอาเป็นว่า ถ้าพิธีกรรมเหล่านี้กระทำแล้ว ทำให้ผู้คนในสังคมหรือชุมชนนั้น ๆ มุ่งทำความดี จรรโลงสังคม และไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ถือว่าเป็นพิธีกรรมที่ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้ก็แล้วกัน


ขอขอบคุณข้อมูล และเครดิตภาพจาก toptenthailand.com

ภัตตาคารลอยฟ้า อร่อยหวาดเสียว!! 10 ร้านอาหาร “คิดนอกกรอบ” รอบโลก

ภัตตาคาร ร้านอาหาร และคาเฟ่ต่างๆ ทั่วโลก กว่าจะเกิดเป็นคอนเซ็ปต์ปังๆ ถูกใจชาวโลกได้ ก็ต้องคิดนอกกรอบไปไม่รู้กี่ตลบ ถึงจะได้คอนเซ็ปต์ร้านที่ออกมาแปลก แหวกแนว โดนใจใครหลายๆ คน วันนี้ UndubZapp ขอพาเพื่อนๆ ไปชม ภัตตาคารคิดนอกกรอบรอบโลก ไปดูให้รู้ว่านอกจากอาหารที่น่าไปลิ้มลองสักครั้งแล้ว ความแปลกของร้านนั้นๆ ยังควรค่าแก่การไปสัมผัสมากแค่ไหน ไปชมพร้อมๆ กันเลยค่ะ

1.‘S BAGGERS RESTAURANT ประเทศเยอรมนี

ร้านที่ไม่มีบริกรคอยบริการ แต่ใช้รางอาหารในการเสิร์ฟอาหารแทน วิธีการไม่ยุ่งยาก เพียงแค่กดสั่งอาหารบนหน้าจอเมนู อาหารก็จะถูกตระเตรียมให้เรียบร้อย ส่งจากครัวมาตามรางจนถึงโต๊ะ สะดวกสุดๆ

2. RED SEA STAR UNDERWATER RESTAURANT ประเทศอิสราเอล

ร้านที่ให้คุณได้สัมผัสกับประสบการณ์ใต้น้ำโดยไม่ต้องเหนื่อยลงไปดำน้ำเอง สามารถชมปลาและปะการังไปพร้อมๆ การดื่มด่ำกับอาหารรสเลิศ แค่เห็นก็เพลิดเพลินจำเริญใจมาก

3. UNDERSEA RESTAURANT ประเทศจีน

อีกหนึ่งร้านอาหารใต้น้ำที่ให้คุณได้สำรวจโลกใต้น้ำ ชมสัตว์ทะเลกว่า 400 ชนิดไปพร้อมๆ กับการรับประทานอาหารที่มีปลาทะเลล้อมรอบ

4. DINNER IN THE SKY

สัมผัสประสบการณ์ทานอาหารสุดหรูจากเชฟชื่อดังแบบลอยฟ้าจากพื้น 50 เมตร ได้รับรองความปลอดภัยจากประเทศเยอรมนีแล้ว หายห่วงจ้ะ ที่สำคัญเป็นร้านอาหารยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาอยู่ทั่วโลก ใครอยากสัมผัสประสบการณ์ ในประเทศไทยก็มีสาขาอยู่นะจ๊ะ

5. CHODOVAR BREWERY AND SPA สาธารณรัฐเช็ก

คอเบียร์ทั้งหลายต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง เพราะที่นี่จะเสิร์ฟอาหารมื้ออร่อยให้คุณอิ่มหนำพร้อมกับการสปาเบียร์ไปด้วย แค่คิดก็ฟินสุดๆ

6. CABBAGES AND CONDOMS ประเทศไทย

ปกติแล้วหลังมื้ออาหาร ร้านอาหารส่วนใหญ่จะให้ลูกอมมิ้นต์แก่ลูกค้าเพื่อดับกลิ่นปาก แต่ที่นี่จะให้ถุงยางอนามัยแก่ลูกค้าแทน เพื่อให้ลูกค้าทุกคนตระหนักถึงภัยของเอดส์ และการยืดอกพกถุง ไม่เพียงแค่นั้น ทั้งร้านยังตกแต่งไปด้วยถุงยางอนามัยสมกับชื่อร้านด้วย

7. HOSPITALIS ประเทศลัตเวีย

ร้านอาหารคอนเซ็ปต์โรงพยาบาล เสิร์ฟเครื่องดื่มในบีกเกอร์และเสิร์ฟอาหารให้คุณประหนึ่งว่าคุณเป็นคนไข้จริงๆ ความแปลกขั้นกว่าคือที่นี่ไม่มีช้อน มีด หรือส้อมให้แต่อย่างใด ถ้าอยากกินต้องใช้อุปกรณ์ผ่าตัดตักเข้าปากเท่านั้นนะจ๊ะ

8. DANS LE NOIR ประเทศอังกฤษ

Dans le noir เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าในความมืด ฉะนั้นคอนเซ็ปต์ของร้านนี้คือไปกินอาหารท่ามกลางความมืด นี่ไม่ใช่ร้านที่จะเสิร์ฟอาหารภายใต้แสงเทียนสลัวๆ หรอกนะ แต่เป็นร้านที่จะให้คุณปิดตากินอาหารต่างหาก จะเข้าร้านทีหรือไปห้องน้ำทีก็ต้องให้บริกรช่วยพาไปจ้ะ

9. MAGIC RESTROOM CAFE สหรัฐอเมริกา

คอนเซ็ปต์ร้านอาหารแบบห้องน้ำห้องส้วมในสหรัฐอเมริกา ได้แรงบันดาลใจมาจากร้านคอนเซ็ปต์เดียวกันในไต้หวัน แต่ที่นี่มีโถสุขภัณฑ์มากถึง 68 อัน สามารถรองรับลูกค้าได้จำนวนเยอะกว่ามาก

10. HAOHAI ROBOT RESTAURANT ประเทศจีน

ร้านที่ก้าวล้ำนำสมัยไปอีกขั้นด้วยการใช้หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารและทำอาหารแทนแรงงานคน เจ้าหุ่นยนต์พวกนี้สามารถแสดงสีหน้าท่าทางได้มากถึง 10 แบบ เพียงชาร์จแบตฯ 2 ชั่วโมง หุ่นยนต์ก็ทำงานต่อเนื่องได้ถึง 5 ชั่วโมงโดยไม่มีบ่น




SOURCE : listverse
กดติดตาม ADD Line @UndubZapp